วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Homework 4 - หลักเข้าใจ 4


เห็นการบ้านสัปดาห์นี้แล้วนั่งนิ่งๆไปซักพักเพราะไม่รู้จะอธิบายการเข้าใจตลาด การเข้าใจสินค้ายังไง เหมือนเรารู้แค่ว่าเรา เทรดทองนะ ตลาดเปิด 24 ชม. รู้นั่นนิด รู้นี่หน่อย แต่พอให้อธิบายจริงๆมันก็เรียบเรียงไม่ถูก  หลายวันที่ผ่านมาเลยได้โอกาสหาข้อมูลซะเลย ก็รู้สึกว่าพอเข้าใจตลาดมากขึ้น ต้องขอขอบคุณ website ของ babypips เพราะมีเตรียมข้อมูลให้อ่านแบ่งระดับตั้งแต่ Preschool จนถึง Graduation ทำให้ได้ความรู้มามากมาย จนพอจะมาทำการบ้านได้เลย ^^   

(อ้างอิง: http://www.babypips.com/school/?returnhome=1

ทบทวนการเทรดตามหลักเข้าใจ 4 อธิบายมาทีละข้อ

เข้าใจตลาด (ธรรมชาติของตลาด เข้าใจปัจจัยต่างๆ ภายนอก สภาวการณ์  สภาพเศรษฐกิจ)
ตลาดเทรดทองเปิดทำการตลอด
24 ชม. ตั้งแต่ตลาด Australia เริ่มเปิดในเช้าวันจันทร์จนถึงเวลาปิดตลาด New York ในวันศุกร์  ตลาดมีสภาพคล่องสูง  มีปริมาณการเทรดจำนวนมากมายมหาศาลในแต่ละวัน  เนื่องจากมีคนให้ความสนใจและเทรดจากทั่วโลก  ทำให้ไม่มีใครคนหนึ่งคนใดสามารถควบคุมตลาดได้ 
ช่วงเวลาที่ตลาดมีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดมักจะเป็นช่วงคาบเกี่ยวของตลาด Europe และ ตลาด New York และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆของ US ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนตัวของตลาด  เช่น การประกาศตัวเลข Non-farm payroll ในวันศุกร์แรกของเดือน  ราคามักจะมีการเคลื่อนตัวอย่างรุนแรง 

เข้าใจสินค้า (สินค้าที่เทรด พฤติกรรมราคา การเคลื่อนตัว)
ราคาทองจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับ USD เพราะทองคำซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงิน USD ลดลง ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อไรที่ค่าเงิน USD เพิ่มค่าขึ้น ราคาทองจะปรับตัวลดลง  นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคือเรื่อง demand และ supply ในตลาดโลก ซึ่งมีทั้งที่เป็นความต้องการทองจริงๆเช่นในยามที่เศรษฐกิจโลกดีและคนมีกำลังซื้อเพิ่ขึ้นทำให้มีปริมาณความต้องการบริโภคทองคำมากขึ้น  ส่วนในอีกด้านหนึ่งคือความต้องการทองคำในแง่ของการลงทุนซึ่งจะตรงข้ามกับในมุมแรกคือเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี  นักลงทุนมักจะถือครองทองคำมากขึ้นเพราะเชื่อว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง  แต่หากเศรษฐกิจดี นักลงทุนก็มักจะถือครองทองคำลดลงและโยกย้ายเงินไปลงทุนในเศรษฐกิจและด้านอื่นมากขึ้น

เข้าใจระบบ (เครื่องมือสัญญาณซื้อขาย  ความเสี่ยง  การบริหารจัดการเงิน)
หลังจากที่ได้เรียน Scalping, Swing Trade และ Trend Following  ก็ได้ template ของแต่ละกลยุทธ์จากอาจารย์  ก็ได้นำมาทบทวนและเลือกกลยุทธ์ที่คิดว่าเหมาะสมกับเรา  โดยเลือกจาก indicator ที่ใช้ว่าเป็นเครื่องมือที่เราเคยใช้และเข้าใจลักษณะการทำงานของมัน  และได้นำระบบที่เลือกไปลองเทรดดู   แต่สิ่งที่ขาดคือการทำ back test ให้มากพอ  โดยตอนแรกที่เรียน Scalping เลือกกลยุทธ์มาแล้วลองดูผ่านๆจากกราฟ ไม่ได้ทำ Back test และจดสถิติดูอย่างจริงจัง  พอนำไปใช้ทำให้เกิดการไม่เข้าใจระบบ  ตั้ง TP/SL ไม่เหมาะสม  โดนกิน SL ตลอด เทรดไม่สำเร็จเลย 
สัปดาห์ที่สองเปลี่ยนมาใช้ Swing Trade เป็นระบบคล้ายๆกับที่ตัวเองเคยใช้  ตอนแรกได้ทำ Back test แค่คร่าวๆเหมือนตอนเลือก Scalping พอนำไปใช้จริง  ก็เกิดปัญหาเดิมๆ ช่วงแรกได้ แต่พอเริ่มเสียติดกันตลอดหลายๆๆไม้ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในระบบ  พอหยุดเสาร์อาทิตย์ได้มีเวลาทำ Back test อีกครั้ง ทำให้รู้สึกได้เลยว่า Back test เป็นสิ่งสำคัญมากๆๆ และช่วยให้เราเข้าใจและมีความมั่นใจในระบบได้มากขึ้นจริงๆ  ถึงแม้จะยังทำ Back test ไมได้มากพอแต่ก็ดีขึ้น เพราะเราวิเคราะห์ความเสี่ยงได้ดีขึ้น  และมีการวาง TP/SL ได้เหมาสมมากขึ้น  ทำให้เกิดความมั่นใจในการใช้ระบบมากขึ้น  ต่อไปนี้ต้องขยันทำ Back test ให้มากๆๆๆยิ่งขึ้นและจะไม่นำระบบใดๆไปใช้จริงถ้าหากยังไม่ได้ทำการ back test และ forward test ก่อน

เข้าใจตนเอง (จิตใจ  จริตของเทรดเดอร์)
เป็น full-time เทรดเดอร์ ทำให้มีเวลาในการดูกราฟค่อนข้างมาก  รับความเสี่ยงได้พอสมควร  ชอบการเทรดเร็วที่จบในวัน เพราะไม่อยากถือสถานะข้ามวันและรับความเสี่ยง  ตอนทดลองใช้ Scalping รู้สึกว่าเร็วเกินไปต้องใช้พลังและสมาธิในการดูกราฟมาก  ตอนนี้ใช้ Swing Trade รู้สึกเวลาในการเข้า/ออกออเดอร์กำลังดี 

สิ่งที่ต้องฝึกให้มากขึ้นคือการมีสติ มีวินัย ในการทำตามระบบ  ตอนนี้ยังพยายามนั่งสมาธิอยู่ทุกวันและพยายามนั่งก่อนเริ่มเทรดในตอนเช้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น