เห็นการบ้านสัปดาห์นี้แล้วนั่งนิ่งๆไปซักพักเพราะไม่รู้จะอธิบายการเข้าใจตลาด การเข้าใจสินค้ายังไง เหมือนเรารู้แค่ว่าเรา เทรดทองนะ ตลาดเปิด 24 ชม. รู้นั่นนิด รู้นี่หน่อย แต่พอให้อธิบายจริงๆมันก็เรียบเรียงไม่ถูก หลายวันที่ผ่านมาเลยได้โอกาสหาข้อมูลซะเลย ก็รู้สึกว่าพอเข้าใจตลาดมากขึ้น ต้องขอขอบคุณ website ของ babypips เพราะมีเตรียมข้อมูลให้อ่านแบ่งระดับตั้งแต่ Preschool จนถึง Graduation ทำให้ได้ความรู้มามากมาย จนพอจะมาทำการบ้านได้เลย ^^
(อ้างอิง: http://www.babypips.com/school/?returnhome=1)
ทบทวนการเทรดตามหลักเข้าใจ 4 อธิบายมาทีละข้อ
(อ้างอิง: http://www.babypips.com/school/?returnhome=1)
ทบทวนการเทรดตามหลักเข้าใจ 4 อธิบายมาทีละข้อ
เข้าใจตลาด (ธรรมชาติของตลาด เข้าใจปัจจัยต่างๆ ภายนอก สภาวการณ์ สภาพเศรษฐกิจ)
ตลาดเทรดทองเปิดทำการตลอด 24 ชม. ตั้งแต่ตลาด Australia เริ่มเปิดในเช้าวันจันทร์จนถึงเวลาปิดตลาด New York ในวันศุกร์ ตลาดมีสภาพคล่องสูง มีปริมาณการเทรดจำนวนมากมายมหาศาลในแต่ละวัน เนื่องจากมีคนให้ความสนใจและเทรดจากทั่วโลก ทำให้ไม่มีใครคนหนึ่งคนใดสามารถควบคุมตลาดได้
ตลาดเทรดทองเปิดทำการตลอด 24 ชม. ตั้งแต่ตลาด Australia เริ่มเปิดในเช้าวันจันทร์จนถึงเวลาปิดตลาด New York ในวันศุกร์ ตลาดมีสภาพคล่องสูง มีปริมาณการเทรดจำนวนมากมายมหาศาลในแต่ละวัน เนื่องจากมีคนให้ความสนใจและเทรดจากทั่วโลก ทำให้ไม่มีใครคนหนึ่งคนใดสามารถควบคุมตลาดได้
ช่วงเวลาที่ตลาดมีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดมักจะเป็นช่วงคาบเกี่ยวของตลาด Europe และ ตลาด New York และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆของ US ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนตัวของตลาด เช่น การประกาศตัวเลข Non-farm payroll ในวันศุกร์แรกของเดือน ราคามักจะมีการเคลื่อนตัวอย่างรุนแรง
เข้าใจสินค้า (สินค้าที่เทรด พฤติกรรมราคา การเคลื่อนตัว)
ราคาทองจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับ USD เพราะทองคำซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงิน USD ลดลง ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อไรที่ค่าเงิน USD เพิ่มค่าขึ้น ราคาทองจะปรับตัวลดลง นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคือเรื่อง demand และ supply ในตลาดโลก ซึ่งมีทั้งที่เป็นความต้องการทองจริงๆเช่นในยามที่เศรษฐกิจโลกดีและคนมีกำลังซื้อเพิ่ขึ้นทำให้มีปริมาณความต้องการบริโภคทองคำมากขึ้น ส่วนในอีกด้านหนึ่งคือความต้องการทองคำในแง่ของการลงทุนซึ่งจะตรงข้ามกับในมุมแรกคือเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี นักลงทุนมักจะถือครองทองคำมากขึ้นเพราะเชื่อว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง แต่หากเศรษฐกิจดี นักลงทุนก็มักจะถือครองทองคำลดลงและโยกย้ายเงินไปลงทุนในเศรษฐกิจและด้านอื่นมากขึ้น
ราคาทองจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับ USD เพราะทองคำซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงิน USD ลดลง ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อไรที่ค่าเงิน USD เพิ่มค่าขึ้น ราคาทองจะปรับตัวลดลง นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคือเรื่อง demand และ supply ในตลาดโลก ซึ่งมีทั้งที่เป็นความต้องการทองจริงๆเช่นในยามที่เศรษฐกิจโลกดีและคนมีกำลังซื้อเพิ่ขึ้นทำให้มีปริมาณความต้องการบริโภคทองคำมากขึ้น ส่วนในอีกด้านหนึ่งคือความต้องการทองคำในแง่ของการลงทุนซึ่งจะตรงข้ามกับในมุมแรกคือเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี นักลงทุนมักจะถือครองทองคำมากขึ้นเพราะเชื่อว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง แต่หากเศรษฐกิจดี นักลงทุนก็มักจะถือครองทองคำลดลงและโยกย้ายเงินไปลงทุนในเศรษฐกิจและด้านอื่นมากขึ้น
เข้าใจระบบ (เครื่องมือสัญญาณซื้อขาย ความเสี่ยง การบริหารจัดการเงิน)
หลังจากที่ได้เรียน Scalping, Swing Trade และ Trend Following ก็ได้ template ของแต่ละกลยุทธ์จากอาจารย์ ก็ได้นำมาทบทวนและเลือกกลยุทธ์ที่คิดว่าเหมาะสมกับเรา โดยเลือกจาก indicator ที่ใช้ว่าเป็นเครื่องมือที่เราเคยใช้และเข้าใจลักษณะการทำงานของมัน และได้นำระบบที่เลือกไปลองเทรดดู แต่สิ่งที่ขาดคือการทำ back test ให้มากพอ โดยตอนแรกที่เรียน Scalping เลือกกลยุทธ์มาแล้วลองดูผ่านๆจากกราฟ ไม่ได้ทำ Back test และจดสถิติดูอย่างจริงจัง พอนำไปใช้ทำให้เกิดการไม่เข้าใจระบบ ตั้ง TP/SL ไม่เหมาะสม โดนกิน SL ตลอด เทรดไม่สำเร็จเลย
สัปดาห์ที่สองเปลี่ยนมาใช้ Swing Trade เป็นระบบคล้ายๆกับที่ตัวเองเคยใช้ ตอนแรกได้ทำ Back test แค่คร่าวๆเหมือนตอนเลือก Scalping พอนำไปใช้จริง ก็เกิดปัญหาเดิมๆ ช่วงแรกได้ แต่พอเริ่มเสียติดกันตลอดหลายๆๆไม้ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในระบบ พอหยุดเสาร์อาทิตย์ได้มีเวลาทำ Back test อีกครั้ง ทำให้รู้สึกได้เลยว่า Back test เป็นสิ่งสำคัญมากๆๆ และช่วยให้เราเข้าใจและมีความมั่นใจในระบบได้มากขึ้นจริงๆ ถึงแม้จะยังทำ Back test ไมได้มากพอแต่ก็ดีขึ้น เพราะเราวิเคราะห์ความเสี่ยงได้ดีขึ้น และมีการวาง TP/SL ได้เหมาสมมากขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจในการใช้ระบบมากขึ้น ต่อไปนี้ต้องขยันทำ Back test ให้มากๆๆๆยิ่งขึ้นและจะไม่นำระบบใดๆไปใช้จริงถ้าหากยังไม่ได้ทำการ back test และ forward test ก่อน
เข้าใจตนเอง (จิตใจ จริตของเทรดเดอร์)
เป็น full-time เทรดเดอร์ ทำให้มีเวลาในการดูกราฟค่อนข้างมาก รับความเสี่ยงได้พอสมควร ชอบการเทรดเร็วที่จบในวัน เพราะไม่อยากถือสถานะข้ามวันและรับความเสี่ยง ตอนทดลองใช้ Scalping รู้สึกว่าเร็วเกินไปต้องใช้พลังและสมาธิในการดูกราฟมาก ตอนนี้ใช้ Swing Trade รู้สึกเวลาในการเข้า/ออกออเดอร์กำลังดี
สิ่งที่ต้องฝึกให้มากขึ้นคือการมีสติ มีวินัย ในการทำตามระบบ ตอนนี้ยังพยายามนั่งสมาธิอยู่ทุกวันและพยายามนั่งก่อนเริ่มเทรดในตอนเช้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น